วันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2554

วันนี้วันเกิด

ขอบคุณพ่อกับแม่ที่ทำให้กระปุกได้เกิดมาในวันนี้ มีร่างกายแข็งแรง  สมบูรณ์(มาก) ทำให้ได้มายืนอยู่ ณ จุดนี้ มีความสุขในทุกๆวัน ขอบคุณพ่อแม่ที่เป็นกำลังใจ เป็นที่พึ่งให้เสมอ เป็นทุกๆสิ่ง เป็นทุกๆอย่างของลูกคนนี้  ขอบคุณพี้ดอย ไอ้อ้วนปูเป้น้องรัก ที่ทำให้ชีวิตนี้มีคุณค่า ทำให้มีความหวัง มีพลังมีความฝัน มีปลายทางที่ต้องไปให้ถึง ขอบคุณจริงๆ ..รักเสมอและตลอดไป

ขอบคุณพี่ๆ น้องๆ และผองเพื่อน ญาติสนิม มิตรสหายทุกๆคนที่ร่วมอวยพรวันเกิดให้นะคะ วันเกิดปีนี้ก็ขออวยพรให้ทุกๆคนประสบความสำเร็จ มีความสุข สุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ทุกคนนะ คิดหรือหวังสิ่งใดก็ขอให้พยายามทำให้ได้ ใครที่สอบ จะสอบหรือว่ายังไม่สอบก็ขอให้พยายามให้เต็มที่ สู้ๆ และขอให้ได้ เกรด A เยอะๆนะคะ ..สาธุ
ปล.ขอมากเกินไปหรือป่าวน้า ^^ แอบโลภ แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ขอให้ทุกๆคนมีความรักให้กันและกันตลอดไป =^__________^=

วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2554

::ol- การจัดการเรียนรู้คอมฯ 4:30

สถานการณ์ :: โรงเรียนประถมศึกษาแห่งหนึ่ง...
     
        วันหนึ่งในวิชาคอมพิวเตอร์ (ช่วงชั้นที่ 1-2)  เมื่อโรงเรียนมีเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่ 4 เครื่อง แต่ นักเรียนมีทั้งหมด 30 คน จะมีวิธีการจัดการเรียนการสอนอย่างไร ให้เกิดประสิทธิ์ภาพสูงสูดแก่ผู้เรียน ??
^
^
^
ตอนนี้กำลังหาวิธีการ ..ใครมีข้อเสนอแนะดีๆบ้างคะ
ช่วยแนะนำด้วยนะคะ ^^

::ol- PCK:: คืออะไร

PCK ย่อมาจาก Pedagogical Content Knowledge :  เป็นความรู้เกี่ยวกับศาสตร์การสอนในเนื้อหาวิชา

        1. การที่ครูผู้สอนสามารถนำ...

                # ความรู้ในเนื้อหาวิชาที่สอน (Subject Matter Knowledge : SMK)

                # ความรู้วิชาครูทั่วไป (Pedagogical Knowledge)

               # ความรู้ในบริบทต่างๆ (Knowledge about Context)

            มาใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน

     2. แผนการสอนของครูจะต้องมีความยืดหยุ่นพอเพียงและปรับให้เข้ากับความสนใจ
         และความชำนาญพิเศษของผู้เรียน

     3. การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ตามความสามารถของผู้เรียน

            # เน้นย้ำในสิ่งที่สำคัญ

            # สาธิตด้วยความชำนาญ

            # ให้โอกาสผู้เรียนในการปฏิบัติจริง

เพื่อเป็นการส่งเสริมและพัฒนาทักษะและทัศนคติของผู้เรียน

เพื่อช่วยให้นักเรียนค้นพบตนเอง ผู้เรียนได้พัฒนาความสามารถไปสู่เป้าหมายได้ตามต้องการ

::ol- “เป็นครูต้องรู้ศาสตร์อย่างมีศิลป์”

วันนี้ก็ได้ฤกษ์งาม ยามดี ฮ่าๆๆๆ..คุณครูให้ข้อสอบมาหาคำตอบว่า คิดอย่างไรกับคำว่า "การสอนเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์"
ก่อนอื่นต้องขอบคุณพี่ google นะคะในการ Search  ข้อมูลครั้งนี้ หุๆ ท่องไปหลากหลาย ..ก็สรุปความรู้ได้ว่า...


ศาสตร์-->  วิชาความรู้
ศิลป์--> เป็นเทคนิคการสอนเป็นอย่างดี  ฝีมือในการจัดการให้ความสนใจด้านสังคม  อารมณ์และความรู้สึกมาเป็นองค์ประกอบ
             ในการตัดสินใจ

          ดังนั้น :: การสอนจะเกิดขึ้นได้จะต้องมีกระบวนการปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูผู้สอนกับผู้เรียน มีเป้าหมายในการเรียนการสอน และการสอนนั้นจะประสบความสำเร็จได้ดีถ้าครูรู้จักใช้ศาสตร์(ความรู้วิชาการ/เนื้อหาวิชา)อย่างมีศิลป์ (เทคนิค/วิธีการสอน)


เพิ่มให้อีกหน่อยๆ ..
การสอนมีจุดประสงค์ให้ผู้เรียนเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตามจุดประสงค์ที่กำหนดไว้
          ข้อนี้ต้องการเน้นที่เป้าหมายของการสอน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมทั้ง3ด้าน ได้แก่
 ด้านความรู้ ความคิด หรือด้านพุทธิพิสัย กล่าวคือ ผู้เรียนเกิดความเจริญงอกงามทางสติปัญญาเกิดความพัฒนาจากความไม่รู้ไม่เข้าใจ คิดไม่เป็นมาเป็นมีความรู้ความเข้าใจ มีความคิดและคิดเป็น เช่น จากการอ่านเขียนไม่ได้ไม่เป็น มาเป็นอ่านออกเขียนได้ แสดงความคิดเห็นได้ ตัดสินใจแก้ปัญหาได้ ประเมินค่าและวิจารณ์ได้ ฯลฯ

2  ด้านเจตคติหรือด้านจิตพิสัย เกี่ยวกับความรู้สึกเห็นคุณค่า ความดีความงาม ผู้เรียนเกิดการพัฒนาในด้านนี้ เช่น รู้สึกซาบซึ้งในบทกลอนที่ได้ฟังได้อ่าน เห็นคุณค่าของการใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง เกิดการยอมรับที่จะช่วยกันรักษาสภาพสิ่งแวดล้อมที่ดี เห็นคุณค่าความสำคัญของการอนุรักษ์ป่าไม้ เป็นต้น

3  ด้านทักษะ หรือด้านทักษะพิสัย หมายถึง ความสามารถกระทำได้ ปฏิบัติได้ถูกต้องตามวัย เช่น สามารถว่ายน้ำได้ พิมพ์ดีดได้ ร้อยมาลัยได้ วาดภาพได้ โยนลูกบอลได้ ฟัง พูด อ่าน เขียนได้ ฯลฯ ผู้เรียนจะเกิดทักษะ ถ้าได้ปฏิบัติบ่อยๆ
           ดังนั้นในการสอนจึงต้อตั้งจุดประสงค์ให้ผู้เรียนเกิดการพัฒนาทั้งสามด้าน มิใช่ด้านใดด้านหนึ่งเพียงด้านเดียว จึงจะถือเป็นการสอนที่สมบูรณ์ ตลอดจนให้ผู้เรียนสามารถนำประสบการณ์ใหม่ไปใช้ได้


อ้างอิง : อาภรณ์ ใจเที่ยง. หลักการสอน(ฉบับปรับปรุง).พิมพ์ครั้งที่ 3 .กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์, 2546

วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2554

::ol- "สิว...สิว" เป็นเรื่องธรรมชาติ

::ol- -lo::


"สิว" เป็นเรื่องธรรมชาติค่ะ คนส่วนใหญ่จะต้อง เคยเป็นสิวอย่างน้อยช่วงใดช่วงหนึ่งในชีวิต โดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่นอายุ ๒๐ ต้นๆ ทั้งหญิงและชาย บางคนก็เป็น ระยะสั้น บางคนก็เป็นอยู่นานหลายปี ผู้หญิงมักจะเป็นสิวอยู่นานมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะผู้หญิงมักจะมีสิวใน ระยะมีประจำเดือน แต่สิวของผู้ชายมักจะมีอาการรุนแรง มากกว่าผู้หญิง คนขายยา คลินิกเสริมความงาม ได้กำไร กันมหาศาลจากยารักษาสิว ที่เห็นๆ กันอยู่มีหมอนั้นหมอนี้ออกมาโฆษณายารักษาสิวกันจนร่ำรวยไปตามกัน

ในเมื่อสิวเป็นเรื่องธรรมชาติ เราจะลดความทุกข์จากการเกิดสิวได้อย่างไร โดยไม่ต้องเสียเงินเสียทองไปกับผลิตภัณฑ์นานาชนิด แล้วผลิตภัณฑ์พวกนี้รักษาได้ผลจริงมากน้อยแค่ไหน จะปฏิบัติได้ถูกต้อง ก็ต้องทำ ความเข้าใจที่มาที่ไปของสิวเสียก่อน

"สิว" เกิดขึ้นเพราะในช่วงวัยรุ่นมีระดับฮอร์โมนเพศมากขึ้น ทำให้ผิวหนังมีไขมันเพิ่มขึ้น เซลล์ผิวหนังที่ตายทุกวันจะไปอุดตามรูขุมขนของเรา ทำให้ไขมันสะสม กลายเป็นตุ่มอาจมีสีดำ ขาว และอาจมีการอักเสบเพราะการเจริญเติบโตของจุลชีพบนผิวหนังของเรา

"สิว" ไม่ได้เกิดขึ้นจากฝุ่นละออง ความสกปรก อาหาร การมีเพศสัมพันธ์ แต่ "สิว" จะรุนแรงขึ้นเมื่อใช้สบู่หรือขัดล้างใบหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ต่างๆ ทั้งประเภทครีม หรืออะไรๆ ที่เขาโฆษณากันว่า ทำให้ผิวหน้าสะอาด ปราศจากสิวนั่นแหละ ตัวดีล่ะ หรือพยายามบีบหัวสิว ก็จะทำให้การอักเสบลุกลามลึกไปอีก ทำให้เกิดแผลเป็น น่าเกลียด หรือใช้พวกน้ำมันใส่ผมที่ จะซึมผ่านหนังศีรษะลงไปได้ นอกจากนี้ การเกิดโรคบางชนิด เช่น การมีถุงน้ำในรังไข่ของผู้หญิง หรือการใช้ยาบางชนิด ก็ทำให้เกิดสิวได้ด้วย

ก่อนจะไปเรื่องการป้องกันหรือทำอย่างไรให้สิวลดลงหรือไม่รุนแรง ขอกล่าวถึง ผลิตภัณฑ์รักษาสิวสักหน่อย ในตลาดมีผลิตภัณฑ์รักษาสิวมากมาย (อย่าลืมว่ามันเป็นสารเคมี มีประโยชน์และมีโทษ เพราะฉะนั้นต้องใช้อย่างฉลาด ถ้าใช้อย่างขาดความรู้แทนที่จะได้ประโยชน์กลับจะเพิ่มทุกข์เพราะผลข้างเคียงของสารเคมี)

ผลการวิจัยเท่าที่มีจนถึงปัจจุบัน พบว่าสารที่ชื่อ "Benzoyl peroxide และ Aluminium chlorhydroxide/sulphur" ได้ผลดีที่สุด เวลาเราจะไปซื้อก็ตรวจดูฉลากว่ามีสาร ๒ ชนิดนี้อยู่ หรือคุยกับเภสัชกร (ไม่ใช่หมอตี๋ที่มักจะชักชวน ให้เราลองใช้ยาโน่นยานี่ ถามเขาเลยว่า มีผลิตภัณฑ์ ตัวไหนบ้างที่มีเคมีภัณฑ์ ๒ ชนิดนี้อยู่ สำหรับเคมีภัณฑ์ที่มีวิตามินเอและ tea tree ไม่พบ ว่าช่วยเรื่องสิว และอาจเกิดผลข้างเคียงที่ทำให้มีปัญหา กับผิวหนังมากขึ้น

**[Benzoyl peroxide เป็นชนิดครีมหรือเจล 2.5% 5% 10% เมื่อทายาไว้บนผิวหนังปริมาณเชื้อและไขมันบนผิวหนังจะลดลง ยานี้จะมีระคายเคืองต่อผิวหนังจะทำให้ผิวหนังลอกหลุดเร็วขึ้น ทำให้ปริมาณหัวสิวลดลง ในระยะแรกของการใช้ยาอาจจะทำให้ผิวหนังแดงอักเสบจึงควรจะเริ่มใช้ยาในขนาดความเข็มข้นต่ำๆ ทาระยะเวลาสั้นเช่น 5-10 นาที แล้วล้างออก เมื่อผิวหนังทนต่อยาจึงเพิ่มความเข้มข้น และทาไว้นานขึ้นจนไม่ต้องล้างออก ทาวันละ 2 ครั้งเมื่อทาตามบริเวณลำตัวอาจจะทำให้สีเสื้อจางลง]**




Benzoyl peroxide face wash. Image source :Wikimedia commons


ถ้าใช้เคมีภัณฑ์ ๒ ตัวนี้แล้วไม่ดีขึ้น สิวแย่ลงหรือลุกลามไป ทุกข์มาก ก็ถึงเวลาควรไปปรึกษาแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง ไม่ใช่คลินิกเสริมความงาม หมอจะให้ยาที่เรียกว่า retinoids ร่วมกับฮอร์โมน (เช่น ให้ ยาคุมกำเนิด) ซึ่งได้ผลมากน้อยต่างกันแต่ละคน และที่สำคัญคือ มันมีผลข้างเคียงเหมือนยาอื่นๆ จึงจะต้องใช้อย่างระมัดระวัง

ผลวิจัยเท่าที่พบ มียาชนิดเดียวที่อาจจะรักษาสิวได้ดีก็คือ isotretinoin (ในตลาดเรียกว่า Accutane หรือ Roaccutane) แต่จะสั่งได้เฉพาะแพทย์ผู้รักษาเท่านั้น ที่เขียนชื่อยาเป็นภาษาอังกฤษให้ ก็เพื่อท่านจะจดไปให้ถูกต้อง และเวลาหมอสั่งยาให้ ก็ถามเขาด้วยว่าเป็นยาอะไร (ถามชื่อยาที่ไม่ใช่ชื่อทางการค้า ชื่อสามัญ คือบอกตัวยา ไม่ใช่ยี่ห้อ)

ผลข้างเคียงที่สำคัญที่สุด สำหรับยาชนิดนี้ก็คือ ห้ามใช้ระหว่างตั้งครรภ์เพราะอาจทำให้เด็กเกิดความพิการได้ เพราะฉะนั้นถ้าแต่งงานและ ไม่ได้คุมกำเนิด ก็ไม่แนะนำ ให้ใช้ ผลข้างเคียงที่พบบ่อยๆ คือ ทำให้ผิวแห้ง โดยเฉพาะบริเวณริมฝีปาก บางคนอาจมีอาการซึมเศร้าตามมา แต่ก็อาจเป็นอาการซึมเศร้าเพราะทุกข์จากสิวก็ได้ 

วิธีที่ดีคือ ทำความเข้าใจว่า มันเป็นธรรมชาติ และเมื่อถึงระยะหนึ่งมันก็จะหายไปเอง ถ้าไม่ได้มีอาการมาก และลดความเครียดลง สิวก็จะลดลง ถ้าเครียดมาก สิวก็จะมากขึ้นและรุนแรงขึ้นด้วย

การคลายเครียดและทำใจยอมรับ เข้าใจมันก็จะช่วยให้สิวลดลงได้ โดยไม่ต้องใช้ยาอะไร ลองสังเกตถ้าตัวเรา หรือมีญาติเป็นวัยรุ่น ยิ่งเขาทุกข์กับสิวมาก สิวก็ยิ่งขึ้นมาเห่อใหญ่ ยิ่งบีบสิว ก็ยิ่งอักเสบ ตุ่มสิวใหญ่ขึ้น แดง มีหนอง ส่วนหนึ่งเพราะเรา ไม่เข้าใจและทุกข์ร้อนกับมันมากจนเครียด ซึ่งกระตุ้นการเกิดสิวเหมือนกัน

เคมีภัณฑ์และยารักษาสิว มีผลสำคัญที่พึงประสงค์ คือ เพื่อลดการขยายตัวและการอักเสบของสิว และไม่ทำให้เกิดแผลเป็นลุกลามไปมากนัก แต่ก็จะต้องไม่ใช้ใน เวลานาน เพราะจะเกิดผลข้างเคียงได้มากขึ้น นอกจากนี้ "การทำเลเซอร์" ที่กำลังฮิตกันอยู่ ก็ไม่มีงานวิจัยที่แสดงว่าได้ผลต่อการรักษาสิวจริงๆ

ขอจบเรื่องนี้แค่นี้ค่ะ เห็นไหมคะ ถ้าเรารู้จักสิวดีพอ รู้ว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติ รู้ว่าสิวเกิดขึ้นได้อย่างไร เกิดตอนไหน เกิดขึ้นแล้วจะทำอย่างไร เราก็อาจไม่จำเป็นต้องใช้เคมีภัณฑ์หรือผลิตภัณฑ์ที่เขาโฆษณากันจนเสียเงินเสียทอง โดยที่มันไม่ได้ให้ผลชะงัดอย่างที่เขาโฆษณา กัน จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของการโฆษณา และการใช้ผลิตภัณฑ์อย่างเกินความจำเป็น และถ้าเรามีความรู้ เวลาเราไปหาหมอ ก็สามารถพูดคุยปรึกษาหมอ ทำความเข้าใจ และร่วมตัดสินใจว่าเราจะใช้หรือไม่ใช้ยาที่หมอจะแนะนำให้ เราสามารถ ตัดสินใจได้โดยใช้ความรู้เบื้องต้นง่าย ๆ นี้


อ้างอิง : สิว สิว สิว ทุกข์ของวัยรุ่น

นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่ม : 309

เดือน-ปี : 01/2548

คอลัมน์ : พูดจาประสาหมอๆ

นักเขียนหมอชาวบ้าน : พญ.จันทร์เพ็ญ ชูประภาวรรณ

วันอังคารที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2554

::ol- ตะลิงปลิง

        วันนี้เปิดคอมฯไปเจอรูปตะลิงปิงที่ถ่ายรูปเก็บไว้ตอนกลับบ้าน ก็เลยว่าลองหาข้อมูลดูดีกว่า ว่าไอ้เจ้า "ตะลิงปลิง" เนืี่ย มีประโยชน์เป็นยังไงบ้าง เพราะรสชาติ เปี๊ยวจี๊ดถึงใจ..นึกถึงก็เปรี๊ยวปาก น้ำลายสอกันเลย (จิ้มกับกะปิ) ว๊าย!! ..ไม่ไหวแล้ว..


(ภาพถ่ายต้นตะลิงปลิงที่บ้าน ตอนที่โทรศัพท์ยังไม่เสีย T_______T! )

 เห็นแล้วก็เปรี๊ยวปาก  อยากกิน ฮ่าๆๆ
ก่อนอื่นมารู้จักที่มาที่ไปของตะลิงปลิงกันก่อนดีกว่า..ไปกันเลย!!!。◕‿◕。
v
v

ตะลิงปลิง  เป็นไม้ผลผลในวงศ์ Oxalidaceae เป็นพืชเขตร้อน มีถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบชายฝั่งทะเลของบราซิล เป็นไม้ยืนต้น สูงได้ถึง 15 เมตร ออกผลตามกิ่งก้านและลำต้นเป็นพวงแน่นและสวยงาม จึงเป็นที่นิยิมปลูกทั่วไป นอกจากนี้ผลยังสามารถใช้บริโภค ตะลิงปลิงเป็นพืชร่วมวงศ์กับมะเฟือง มีส่วนที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนคือ ผลมะเฟืองมีขนาดใหญ่กว่าผลตะลิงปลิง (จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี)






×÷·.·´¯`·)»ลักษณะทางพฤกษศาสตร์«(·´¯`·.·÷× ♫

 ตะลิงปลิงเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก มีกิ่งก้านสาขามาก เปราะหักง่าย เปลือกต้นมีสีชมพู ผิวเรียบมีขนนุ่มปกคลุมตามกิ่ง 
εїз  ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก ก้านใบหนึ่งประกอบด้วยใบย่อย 11-37 ใบ กว้างประมาณ 1 เซนติเมตร ยาว 2-5 เซนติเมตร มีสีเขียวอ่อนมีขนนุ่มๆ ปกคลุมอยู่ ปลายคี่เรียงสลับกัน ใบย่อยรูปขอบขนาน ปลายเรียวแหลม 
εїз ช่อดอกเป็นกระจุกอยู่ตามลำต้น มีกลีบดิกสีแดงอมม่วง ขนาดประมาณ 1.5 เซนติเมตร ดอกมี 5 กลีบ และมีกลิ่นอ่อน ๆ ทยอยบานได้นาน 1-2 สัปดาห์ขึ้นอยู่กับความดก เกสรกลางดอกมีสีเขียว 
εїз ผลรูปรี ป้อม ยาว 4-10 เซนติเมตร กว้างประมาณ 2 เซนติเมตร ฉำ้น้ำ ปลายแหลม และเว้าเป็นพูตื้น ๆ 4 พู สีเขียวอมเหลือง เมื่อสุกเป็นสีเหลือง เนื้อเหลว ออกเป็นช่อห้อย รสเปรี้ยว เมล็ดแบน
       **  ผลมีรสเปรี้ยว เป็นที่นิยมเก็บผลอ่อนมากินกับกะปิ น้ำปลาหวาน เกลือ หรือนำมาทำส้มตำตะลิงปลิง หรือกินกับอาหารรสจัด หรือใช้เป็นเครื่องปรุงใส่ในอาหารที่ต้องการความเปรี้ยว เช่น แกงส้ม ต้มยำ เป็นต้น หรือจะนำมาแช่อิ่มก็ได้ หรือจะนำมาทำน้ำผลไม้ ซึ่งจะให้แคลอรีต่ำ มีวิตามินเอสูง แต่ไม่ควรกินติดต่อกันเป็นจำนวนมาก ๆ หรือเป็นระยะเวลานาน ๆ เพราะจะทำให้เลือดตกตะกอนได้

×÷·.·´¯`·)» ...สรรพคุณ...«(·´¯`·.·÷× 


         ╰☆╮ ราก สรรพคุณแก้พิษร้อนใน กระหายน้ำ ฝาดสมาน บำรุงกระเพาะอาหาร แก้โลหิตออกตามกระเพาะอาหาร ลำไส้ ดับพิษร้อนของไข้ แก้ริดสีดวงทวาร แก้คัน แก้คางทูม แก้ไขข้ออักเสบ รักษาสิว รักษาซิลิส บรรเทาโรคเก๊าท์ บรรเทาการอักเสบของลำไส้ใหญ่
         ╰☆╮ ใบ สรรพคุณใช้พอกแก้คัน ใช้ภายในโดยนำมาต้มดื่มรักษาอาการอักเสบของลำไส้ใหญ่ รักษาซิฟิลิส แก้ไขข้ออักเสบ รักษาคางทูม รักษาสิว
        ╰☆╮  ดอก นำมาชงเป็นชา สรรพคุณแก้ไอ
        ╰☆╮  ผล สรรพคุณเจริญอาหาร บำรุงกระเพาะอาหาร ฝาดสมานและลดไข้ แก้เสมหะเหนียว ฟอกโลหิต ยาบำรุงแก้ปวดมดลูก แก้ไอ บรรเทาโรดริดสีดวงทวาร แก้ลักปิดลักเปิด


หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับท่านผู้อ่านทุกคนนะคะ ^^ 
คิดถึงบ้านจัง...•:*´¨`*:•. ♫~*
 ข้อมูลจาก :  วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี(2554)